เชื่อว่าในช่วงที่ผ่านมาทุกคนน่าจะได้ยินข่าวคราวการปรับขึ้นของ “ดอกเบี้ยนโยบาย” กันไปบ้างแล้ว
ซึ่งดอกเบี้ยนโยบายนั้น คือ อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดโดยธนาคารกลางแห่งประเทศไทย
ที่ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ในประเทศทั้งหมด
ดังนั้น เมื่อมีการปรับดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้น ย่อมส่งผลกระทบโดยตรง
กับทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจไม่มากก็น้อย
ซึ่งในที่สุดแล้วย่อมส่งผลมาถึงภาระการผ่อนบ้าน
กล่าวคือ อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านก็จะสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
และเราจะมีวิธีไหนมาช่วยลดภาระ ดอกเบี้ยอสังหา ได้บ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจคำว่า “ดอกเบี้ยบ้าน” กันก่อนดีกว่าค่ะ
โดยธนาคารแห่งประเทศได้ให้คำจำกัดความของ “ดอกเบี้ยบ้าน”
หมายถึง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด
ทาวน์โฮม คอนโด อาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่ที่ดิน
โดยจะแบ่งการคำนวณดอกเบี้ยเป็น 2 รูปแบบคือ
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate)
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่กำหนดตัวเลขเฉพาะตลอดอายุสัญญาเงินกู้
หรือในระยะเวลาที่กำหนด โดยจะไม่ขึ้นหรือลงตามสภาวะเศรษฐกิจ - อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัว (Floating Rate)
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่จะเปลี่ยนแปลง ปรับขึ้นลงตามสภาวะเศรษฐกิจ
โดยจะมีการประกาศจากสถาบันการเงิน
แต่ไม่ต้องกลัวไปนะคะ การที่ ดอกเบี้ยอสังหา ปรับขึ้นใหม่ ไม่ได้รับมือยากกว่าที่ทุกคนคิดแน่นอนค่ะ
เรามี 3 วิธีที่จะมาช่วยให้คุณลดการชำระดอกเบี้ยได้แบบง่ายๆ มาดูกันเลยค่ะ
- ลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้
ทั้งการลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้จะช่วยให้เรามีเงินคงเหลือในแต่ละเดือนเพิ่มมากขึ้น
(เงินคงเหลือ = รายรับ – รายจ่าย – ภาระผ่อนหนี้) พอมีเงินเหลือมากขึ้น
เราก็สามารถนำเงินที่มีไปโปะหนี้เพิ่มเพื่อปลดหนี้ให้เร็วขึ้น และยังช่วยให้ประหยัดดอกเบี้ย
ที่เราต้องจ่ายอีกด้วยเราอาจเริ่มจากการปรับลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นต่างๆ
เช่น ค่าลอตเตอรี่หรือค่ากาแฟ ซึ่งเราไม่ควรมองข้ามรายจ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้
เพราะหากสามารถลดได้ เช่น จากซื้อทุกวันเหลือสัปดาห์ละครั้ง หรือลดจำนวนเงินที่จ่ายต่อครั้งลง
นอกจากจะดื่มด่ำกับกาแฟแก้วโปรดยิ่งขึ้นแล้ว ยังอาจมีเงินเหลือเป็นก้อนใหญ่จนเราตกใจก็เป็นได้
นอกจากนี้ อาจจะมองหารายได้เสริมเพิ่มเติมจากสิ่งที่เราถนัดหรือสนใจด้วย - เจรจาเจ้าหนี้หรือหาเงื่อนไขใหม่ที่ดีกว่า
การเจรจาต่อรองขอลดดอกเบี้ยกับเจ้าหนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้และควรทำ
เพราะหนี้บ้านส่วนใหญ่จะมีอัตราดอกเบี้ย 2 ช่วง คือ ดอกเบี้ยต่ำในช่วงแรกเพื่อจูงใจลูกค้า
และมักจะเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ 3% ใน 3 ปีแรก
ซึ่งช่วงที่สองเป็นแบบอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัวซึ่งมักจะแพงกว่าช่วงปีแรกๆ จนสิ้นสุดอายุสัญญา
เมื่อเราผ่อนไประยะหนึ่งจนใกล้ถึงช่วงที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามสัญญาจะคิดแบบลอยตัว
เราก็สามารถเข้าไปยื่นเรื่องเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอปรับลดอัตราดอกเบี้ย
เช่น ปรับเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบลอยตัวได้
ซึ่งจะช่วยให้ภาระดอกเบี้ยไม่สูงขึ้นไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่ง ทั้งยังช่วยปลดหนี้ได้เร็วขึ้นด้วย
ถัดมาก็คือ Refinance ไปยังสถาบันการเงินอื่น ที่ให้อัตราดอกเบี้ยถูกกว่าสถาบันการเงินที่เราใช้บริการอยู่
อย่างไรก็ดี ก่อน Refinance อย่าลืมคำนึงถึงต้นทุนแฝงต่าง ๆ ด้วยว่าคุ้มกับการ Refinance หรือไม่
เช่น ค่าเบี้ยปรับชำระก่อนครบกำหนด (Prepayment fee) ค่าประเมินราคาหลักทรัพย์
ค่าธรรมเนียมจดจำนอง หากใครที่ต้องการ refinance และกำลังมองหาเงื่อนไขที่ดีกว่าสถาบันการเงินที่ใช้อยู่เดิม
หากใครไม่รู้ว่าเลือกสถาบันการเงินไหนดีเราได้ทำตารางเพื่อเปรียบเทียบ ดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารมาให้แล้วค่ะ
จะเห็นได้ว่า แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อภาระหนี้บ้านของเรา แต่หากมีการจัดการที่ดี
หนี้บ้านก็จะไม่ใช่ปัญหาหนัก กลายเป็นทรัพย์สินและสถานที่ที่อบอุ่นสำหรับทุกคนในครอบครัวไปตราบนานเท่านาน
———————————————————————————————
หากๆ เพื่อยังมีข้อสงสัย ทีม Landthaimart ยินดีให้คำปรึกษา
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
inbox : m.me/105963835437530
Line@ : https://lin.ee/Nxmbdbc
อ่านบทความอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : https://landthaimart.com/articles/
#LandThaiMarket #รับซื้อที่ดินอย่างมืออาชีพ #LandThaiMarket
#ที่ดิน #ที่ดินทำเลสวย #จำนองที่ดิน #ที่ดินแลกเงิน #รับซื้อที่ดิน
#อสังหาทรัพย์ #ลงทุนอสังหา #ตลาดที่ดิน #บ้านที่ดิน #ซื้อขายที่ดิน
#ที่ดินราคาถูก #ที่ดินกรุงเทพ #นายหน้าที่ดิน #ที่ดินใกล้กรุงเทพ #ต้องการที่ดิน